อวิชชา (๗) โหดร้ายต่อตัวเอง

ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ กรรมจำแนกบุคคล กรรมลิขิต คนทำดีก็ได้รับผลดี คนทำความชั่วก็ได้รับผลชั่วนั้น คนมีบุญกุศลเป็นเผ่าพันธุ์ บุญกุศลนั้นก็พาตัวเขาไปพบกับกัลยาณมิตร และพบพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เขาก็จะมีความรู้และปัญญาแก้ปัญหาชีวิตของเขาได้ ส่วนคนที่ไม่มีบุญกุศล อกุศลกรรมก็พาตัวเขาไปหาบาปมิตร ไปลุ่มหลงโลกและชีวิตจนหาทางกลับมาหาตัวเองไม่ได้ ก็หมดโอกาสที่จะแก้ปัญหาชีวิตได้ เพราะเขาไม่มีโอกาสพบพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงไม่มีความรู้ที่จะใช้แก้ปัญหาชีวิตได้

ฉะนั้น บุญบาปเป็นเหตุปัจจัยอันหนึ่งของชีวิตคนเรา ความจริงบุญก็สามารถเติมให้กับตัวเองได้ แต่เราไม่รู้เรื่องบุญเรื่องบาป เราจึงไม่ค่อยมีเวลาจะเติมบุญให้กับตัวเราเอง แต่มีโอกาสเติมบาปให้กับตัวเองได้ตลอดเวลา บุญบาปก็อยู่ในกฎธรรมชาติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป เช่นกัน ถ้าเราไม่เติมบุญ บุญก็หมด ถ้าเราเติมบุญ บุญก็มีเพิ่มขึ้น และถ้าเราเติมบาป บาปของเราก็เพิ่มขึ้น ชีวิตของคนเรามีกรรมเป็นผู้ลิขิต กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ กรรมจำแนกบุคคล ชีวิตที่เหลืออยู่ของเรา เราควรหมั่นเติมบุญให้กับตนเองเพื่อหนีอวิชชา

ถ้าเรามีบุญ บุญก็พาเราไปหาเพื่อนที่มีบุญ หรือมีปัญญา เราก็จะได้ปัญญาจากเขา ปัญญาเท่านั้น ที่จะพาเราหนีไปจากทุกข์หรืออวิชชา พระพุทธเจ้าเป็นผู้มีปัญญา พระธรรมคำสอนของท่าน คือตัวปัญญาที่เราจะใช้แก้ปัญหาชีวิตได้ ปัญญาธรรมที่พระองค์ตรัสรู้นั้นแหละ คืออริยทรัพย์ที่คนเราทุกคนต้องการ อริยทรัพย์คือทรัพย์ที่นำติดตัวเราไปได้ หรือเอาไปได้ และใช้แก้ปัญหาชีวิตได้



มาถึงตรงนี้แล้ว ท่านรู้แล้วว่า ท่านต้องการอะไรจริง ๆ ในชีวิตของท่าน สิ่งที่ท่านต้องการไม่ใช่ลอยมา จะต้องใช้เวลาฝึกฝนเอาเองเท่านั้น วิธีฝึก พระพุทธเจ้าบอกให้แล้ว ถ้าท่านทำตาม ก็จะประสบความสำเร็จดับอวิชชาได้ การแก้ปัญหาของชีวิตคนเราไม่ใช่ของง่าย เพราะคนเราไม่รู้อะไรในชีวิต จึงเอาเหตุของปัญหาไปทำซ้ำตลอดเวลา ปัญหาจึงทับถมอยู่ในตัวเรามากมายนับไม่ได้ ดูผิวเผินเหมือนไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าถูกกระทบสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อใด ข้อมูลปัญหาที่เราสั่งสมเอาไว้ในใจของเราจะออกมารับการกระทบปรุงแต่งปัญหานั้น ให้สลับซับซ้อนขึ้นไปอีกโดยที่เราไม่รู้ตัว สร้างปัญหาใหม่ทับถมปัญหาเก่าทันที ปัญหาเก่าก็แก้ไม่ได้ ปัญหาใหม่ก็แก้ไขไม่ได้ ทับไปถมมาไปตลอดชีวิต ยากที่จะแก้ไขได้ในเวลาอันสั้น

ทำไมคนเราจึงโหดร้ายต่อตัวเองอย่างนี้ ร่างกายเป็นคู่ชีวิตของใจ ถ้าใจไม่มีปัญญา จะโหดร้ายต่อร่างกายอย่างยิ่ง ดูเวลาที่ใจมีโลภ โกรธ หลงอยู่ในใจมาก ๆ ใจจะผลักไสร่างกายไปนู่นไปนี่ ทำนู่นทำนี่ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน บางครั้งก็ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส ถึงกับตายหรือพิกลพิการ ซึ่งเราก็เห็นอยู่ จากตัวของเรา และคนอื่น ๆ ที่เราได้พบเห็น ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะอวิชชาควบคุมตัวเรา หรือความไม่รู้ควบคุมตัวเรา ทำให้เราไม่รู้อะไรเลย รวมทั้งตัวเราเองด้วย ถ้าคนเรารู้ เขาจะไม่ทำร้ายตัวเอง หรือร่างกายให้บาดเจ็บ เพราะร่างกายเราไม่รู้อะไร ใจสั่งอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ร่างกายเป็นธาตุไม่รู้ ทำตามคำสั่งของใจทุกครั้ง ใจของคนเราถูกควบคุมด้วยอวิชชา ร่างกายของเราก็ทำตามอวิชชา อวิชชาจึงเป็นวิถีชีวิตของคนเราทุกคน ถ้าไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน

ต่อไปนี้ เราจะทำอย่างไรให้ตัวเรารู้ว่า ตัวของคนเราทุกคนเกิดมาเพื่อต้องการนิพพาน ขณะนี้จิตสำนึกของคนเราทุกคนไม่มีนิพพานอยู่ในใจ มีแต่ความพอใจและไม่พอใจเท่านั้น ฉะนั้น เราต้องใส่ข้อมูลคำว่านิพพาน หรือสุขถาวร เข้าไปในใจให้ได้ เพื่อเอาชนะอวิชชา อวิชชามันเป็นพฤติกรรมของเราไปแล้ว ในแต่ละวัน พฤติกรรมของอวิชชากำหนดวิถีชีวิตของเรา คนเราถูกพฤติกรรมของอวิชชาบังคับให้เราสร้างความพอใจหรือไม่พอใจ หรือโลภะ โทสะ โมหะ โดยไม่รู้ตัวมาตลอดชีวิต อันนี้เป็นเหตุปัจจัย ให้เราเวียนว่ายตายเกิดหาที่สิ้นสุดไม่ได้

ทางสายกลาง ตรงกลางอยู่ตรงไหน

วิบากกรรมเป็นผู้ลิขิตชีวิตของเราแต่ละคน

คำว่าข้อมูลควบคุมตนเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy