สาเหตุจลาจลในเมืองลพะ ในปี พ.ศ.๑๑๗๖ และการอพยพของพลเมือง
สาเหตุจลาจลในเมืองลพะ ในปี พ.ศ.๑๑๗๖
*ช่างตระกูลศิลปะเชียงแสน ก็หนีไปอยู่เชียงแสน
*ช่างตระกูลละโว้-อโยธยา ก็หนีไปอยู่ลพบุรี-อโยธยา
*ช่างตระกูลศิลปะสุโขทัย ก็พากันหนีไปสุโขทัย
*ช่างตระกูลศิลปะทวารวดี-อู่ทอง ก็พากันหนีไปอยู่สุพรรณบุรี นครชัยศรี
การแตกของเมืองลพะครั้งนี้ทำให้ภาษาโดยเฉพาะตัวอักษรและศิลปะวัตถุที่ชาวเมืองลพะ รับถ่ายทอดมาจากชาวอินเดียคุปตะไปเกิดใหม่ยังจุดที่เราเรียกชื่อในปัจจุบัน ในภาคเหนือของไทยในปัจจุบันก็รับเอาภาษาและวัฒนธรรมเชียงแสน จากเมืองลพะไปใช้ และเนื่องจากเป็นคนไต (ไทย) ด้วยกัน จึงรักษาเค้าโครงของตัวอักษรได้ค่อนข้างดี และพัฒนาต่อมา เมื่อหมดยุคหริภุญชัยแล้วกลายเป็นภาษาลานนา สำหรับชาวไทยขอมที่อยู่ลพบุรี-อโยธยาก็รับเอาภาษาและวัฒนธรรม ละโว้-อโยธยา ของชาวลพะไปใช้และพัฒนากลายเป็นอักษร และศิลปะขอมในที่สุด
สำหรับชาวไทยสุโขทัย ที่เมืองสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย ก็รับเอาภาษาและวัฒนธรรมสุโขทัยของชาวลพะ ไปใช้และพัฒนากลายมาเป็นภาษาอักษร และศิลปะสุโขทัยในที่สุด สำหรับชาวไทยมอญที่อยู่ทางใต้ลงไป ก็รับเอาภาษาและวัฒนธรรม ทวารวดี-อู่ทองจากชาวลพะ และพัฒนากลายมาเป็นอักษรมอญ และศิลปะทวารวดีและศิลปะอู่ทองในที่สุด สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะชาวลพะมีภาษาและวัฒนธรรมสูงกว่าเมื่อไปรวมกลุ่มอื่นก็สามารถเข้าครอบครองทางวัฒนธรรมได้ แล้วจึงเข้าสู่การบริหารโดยไม่ต้องทำสงคราม เมืองลพะกลายเป็นเมืองร้าง สุเทวฤาษีจึงให้ศิษย์ทั้ง ๓ คน ไปขนเอาศิลปะวัตถุ พระเครื่องอินเดียและพระเครื่องที่สร้างในรัชกาลต่าง ๆ ตามที่จะหาได้ ไปก่อเป็นเจดีย์ ซึ่งเจดีย์นี้ได้ทรุดโทรมลงตามกาลเวลา
ซึ่งต่อมาเมื่อมีการอพยพคนไตยอง และไตลื้อ จากสิบสองปันนามาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านหนองไซ ชาวบ้านได้สร้างวัดหนองไซขึ้นมา และมีการนำพระของเมืองลพะมาประดับไว้ตามมุข และเพดานของโบสถ์วิหาร ซึ่งพระเหล่านี้ บางครั้งหลุดตกลงมาและสูญหายไปเป็นจำนวนมาก กลายเป็นของหายาก และมีของระบาดมากในปัจจุบัน สำหรับเจดีย์ที่สุเทวฤาษีสั่งให้สร้างไว้นั้น เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ คณะกรรมการหมู่บ้านก็ได้มีการจ้างรถแทรกเตอร์มาเกลี่ยกลบ และขุดเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ พระเครื่องและของมีค่าที่อยู่ภายในจึงสูญหายไป