ทุกข์ที่เราต้องหนีนั้นมันอยู่ในตัวคนเรา

การหนีทุกข์ไปหาสุข ตัวคนเราเป็นคนหนี แล้วก็ทุกข์ที่เราต้องหนีนั้น มันอยู่ในตัวเราคนหนี เราจะหนีไปไหนในทางโลก มันก็ตามเราไปทุกที่ที่เราไป เมื่อมันเป็นอย่างนี้ คนเราจะหนีจากมันอย่างไร เราต้องอาศัยประสบการณ์ของผู้ที่หนีทุกข์ได้สำเร็จ มาใช้ปฏิบัติในการหนี คนที่หนีทุกข์ได้สำเร็จคนแรกของโลกคือ พระพุทธเจ้า เราจะต้องเอาประสบการณ์ของพระพุทธเจ้าเป็นทางช่วยให้เราหนี พระพุทธเจ้าก็ได้บอกทางไว้แล้ว ดังที่เขียนไว้บทต้น ๆ ว่าทำอย่างไร ให้ปฏิบัติตามนั้นด้วยความเพียรพยายาม วิธีปฏิบัติของพระพุทธเจ้านี้ไม่ได้ไปกระทบกระเทือนในการดำเนินชีวิตประจำวัน ทำเคียงคู่กันไปได้ ผลก็จะออกมาทำให้เราสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม หนีทุกข์ไปหาสุขถาวรสำเร็จได้ในชาตินี้

คนเราหลายคนไม่เข้าใจว่า คำว่าสุขถาวร กับ สุขชั่วคราว ชัดเจนเพียงพอ ส่วนมากคิดว่าสุขถาวรนั้นเป็นสุขที่จืดชืด ไม่มีรสชาติ เพราะไม่มีความพอใจปรุงแต่ง สู้สุขชั่วคราวไม่ได้ ที่มีการปรุงแต่งหลายอย่าง อุปมาเหมือนเครื่องดื่มของเรา น้ำเปล่าไม่มีอะไรปรุงแต่ง รสชาติจืดชืด กับเครื่องดื่มที่อะไรปรุงแต่งมากมาย มีสีเขียว สีแดง สีส้ม รวมทั้งเครื่องหมักดองของมึนเมา หลายคนชอบเครื่องดื่มที่มีการปรุงแต่งแบบนี้ แต่ไม่ชอบน้ำเปล่า ๆ ดื่มไปดื่มมาในน้ำปรุงแต่ง จึงรู้สึกได้ว่าสู้น้ำเปล่า ๆ ไม่ได้ มีคุณค่า มีประโยชน์มากกว่า คนเราจึงมาดื่มน้ำเปล่า ๆ ที่ตัวเองไม่ค่อยชอบ ก็เพราะคนเรามีปัญญามากขึ้น เช่นเดียวกัน ถ้าเราตามดูชีวิตคนเราแต่ละวัน จะเตลิดเปิดเปิงไปตามสิ่งที่ปรุงแต่งต่าง ๆ นานา หมดแรงไปแล้วก็จะกลับมานอนหลับอยู่ที่บ้าน ซึ่งที่บ้านไม่มีอะไรปรุงแต่งเหมือนที่อื่น ๆ ที่ไปมา แต่ถ้าคนเราไม่มีปัญญาก็จะรู้ไม่ได้ว่า ที่บ้านของเรานั้นคือสุขถาวร ไม่มีสิ่งปรุงแต่งนั้นสุขกว่าไปที่อื่นที่มีสิ่งปรุงแต่ง เพราะคนเราไม่มีปัญญาเพิ่มเติม จึงไม่เข้าใจเรื่องราวของชีวิตจริง จะเห็นว่าทุกคนต้องการดื่มน้ำเปล่า และต้องการมานอนหลับที่บ้าน สองอย่างนี้คือตัวอย่างของสุขถาวรที่คนเราต้องการไปให้ถึงด้วยปัญญา ที่บ้านก็ไม่มีอะไรปรุงแต่ง และน้ำเปล่าก็ไม่มีอะไรปรุงแต่ง นี่คือลักษณะของสุขถาวรที่คนเราจะต้องทำความเข้าใจให้เห็นจริง ๆ อย่างนี้ แล้วให้มีความรู้อย่างนี้ในใจ จึงจะไปถึงสุขถาวรได้

พอจะสรุปความสุขถาวร และความสุขชั่วคราว ดังนี้

ความสุขถาวร คือ ความสุขที่ไม่มีอะไรปรุงแต่ง เป็นความสุขล้วน ๆ เป็นอิสระ สงบ ร่มเย็น สบาย เหมือนกับน้ำเปล่า ๆ ที่คนเรากินทุกวัน ไม่มีอะไรปรุงแต่ง คนเราจะต้องกินทุกวัน ไม่กินไม่ได้ ไม่มีผู้ใดเบื่อในการกินน้ำเปล่า ๆ เหมือนกับสุขถาวรเช่นกัน ไม่มีใครเบื่อ เพียงแต่เราไม่รู้จักดีเท่านั้น จึงไม่ได้ไปแสวงหา เป็นเพียงแต่ธรรมชาติของเหตุปัจจัยบังคับให้คนเราเข้าถึงหรือชอบมัน โดยไม่รู้ ไม่เข้าใจว่ามันคือสิ่งที่ชีวิตต้องการ ยกตัวอย่างเช่นน้ำเปล่า ธรรมชาติบังคับให้คนเราต้องกิน ถ้าไม่กินต้องเสียชีวิตอย่างนี้เป็นต้น

สุขชั่วคราว คือ สุขที่เกิดจากการปรุงแต่งของเหตุปัจจัย เหมือนกับน้ำดื่มที่ปรุงแต่งด้วยรส กลิ่น สี หมักดอง เหล้า เบียร์ ที่คนเราชอบดื่ม จะเห็นว่าถ้าในโต๊ะมีน้ำเปล่า น้ำปรุงแต่ง คนส่วนมากจะเอาน้ำปรุงแต่งไปดื่มก่อนน้ำเปล่า ๆ กินไปกินมาก็รู้สึกเบื่อ แล้วกลับมากินน้ำเปล่า ๆ ไม่มีผู้ใดเบื่อน้ำเปล่า ๆ ที่ไม่มีอะไรปรุงแต่ง ก็พอสรุปได้ว่า อะไรก็ตามที่ไม่มีอะไรปรุงแต่งนั้นบริสุทธิ์ คนเราทุกคนชอบโดยไม่รู้ตัว หลายคนบอกว่าตนเองติดเหล้า แต่ไม่รู้ว่าตัวเองติดกินน้ำเปล่า ๆ มากกว่า ฉันใดฉันนั้น คนเราชอบสุขถาวรมากกว่าสุขที่ปรุงแต่ง แต่ไม่รู้ตัว จริง ๆ แล้วคนเราชอบสุขถาวรที่ไม่มีอะไรปรุงแต่ง ไม่เชื่อก็ก้มดูท่านเอง แล้วท่านจะเห็นความจริงของตัวท่าน ในคำสอนของพระพุทธเจ้ามักจะสอนให้หาความจริงจากตัวเอง เอาตัวของเราพิสูจน์ในความสงสัยของคนเรา แล้วจะเห็นความจริง ต่อไปไม่ต้องเชื่อผู้ใดอีก อย่างเช่นพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านมีความจริงของโลกและชีวิต อยู่เต็มใจของท่านตลอดเวลา

เรื่องราวของชีวิตคนเราเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด

กรรมเป็นเผ่าพันธุ์

กรรมจำแนกบุคคล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy