จึงเน้นให้พวกเราชาวพุทธให้มีปัญญาก่อน

ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงเน้นให้พวกเราชาวพุทธให้มีปัญญา ให้รู้จริงรู้แจ้งเรื่องโลกและชีวิต เพื่อปลดปล่อยความพอใจ ไม่พอใจ หรืออวิชชา ออกจากตัวของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะถูกปลดปล่อย มีอิสระทันที โลกและชีวิตมีองค์ประกอบที่สลับซับซ้อนมาก พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่ควรคิดเรื่องโลกและเรื่องกรรม เพราะมีเหตุปัจจัยสลับซับซ้อนมาก ถ้าผู้ใดคิดมีโอกาสเป็นบ้าได้ การศึกษาเรียนรู้เรื่องโลกและชีวิต เหมือนกับตัวเราว่ายน้ำอยู่กลางทะเล ไม่รู้ฝั่งอยู่ตรงไหน ไม่รู้ว่าจะไปอย่างไร ถ้ามีปัญญาของพระพุทธเจ้าไว้ก่อน อุปมาเหมือนเรือที่เราเตรียมไว้ไปหาฝั่ง ถ้าไม่มีเรือ เรามีโอกาสตายในทะเลได้ ฉันใดฉันนั้น เรื่องโลกและชีวิตจะต้องมีปัญญาของพระพุทธเจ้ากำกับ จึงจะหาทางกลับบ้านได้ เพราะโลกและชีวิตมีทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ กรรม วิญญาณ มาประชุมกัน จึงละเอียดลึกซึ้งสลับซับซ้อน เกินกว่าปัญญาของเราจะเข้าไปถึงได้ เพราะเรื่องโลกและกรรม เป็นอจินไตย ไม่ควรคิด

การหาทางออกให้กับชีวิตของเรา เป็นเรื่องใหญ่ และสำคัญมาก ชีวิตคนเราจะมีค่า ไม่มีค่าก็ดูตรงนี้ คือการหาทางออกให้กับชีวิตได้ทั้งทางโลกและทางธรรม ทางโลกกับทางธรรมมันติดกัน มันเป็นอันเดียวกัน มีลักษณะเหมือนกัน เพราะมันเป็นธรรมชาติเหมือนกัน เราจะแกะมันออกจากกันอย่างไร พระพุทธเจ้ายกตัวอย่างไว้ว่า ตากับรูปอะไรเกี่ยวกัน ตาไปเกี่ยวกับรูปไว้ หรือ รูปไปเกี่ยวเอาตาไว้หรือ คำตอบ ตากับรูปไม่ได้ไปเกี่ยวกันและกันไว้ แต่เป็นความพอใจ ไม่พอใจต่างหากที่เกี่ยวมันไว้ เหมือนวัวกับเชือกที่มัดติดหลัก วัวกับหลัก ไม่ได้เกี่ยวกัน แต่เชือกต่างหากที่เกี่ยววัวไว้ ฉันใดฉันนั้นเหมือนกัน โลก ธรรมไม่ได้เกี่ยวกันไว้ แต่ความพอใจ ไม่พอใจ หรือความไม่รู้ของคนไปเกี่ยวมันไว้ ถ้าจะปลดโลกกับธรรมออกจากกัน ก็ต้องปลดความพอใจ ไม่พอใจออกไป ทั้ง ๒ ส่วนก็เป็นอิสระ

ทุกข์ที่เราต้องหนีนั้นมันอยู่ในตัวคนเรา

เรื่องราวของชีวิตคนเราเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด

กรรมเป็นเผ่าพันธุ์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy