การได้อิสรภาพทั้งทางกายและทางใจ

การได้อิสรภาพ ทั้งทางกายและทางใจ เป็นเรื่องสำคัญของชีวิตคนเรา หรือการเอาตัวรอดจากวิวากกรรม จึงเป็นความต้องการของทุกคน แต่คนเราไม่เข้าใจ จึงเอาตัวรอดจากวิบากกรรมไม่ได้ การที่คนเราไม่เกิดอีก นั่นแหละคือ การเอาตัวรอดได้เด็ดขาด ทำอย่างไรจึงจะไม่เกิดอีกนั่นแหละ คือวิถีชีวิตที่ถูกต้อง ตามความต้องการของคนเราที่ได้เกิดมาเป็นคน การเกิดมาเป็นคน ก็คือได้มาฝึกฝนตนเองให้เอาตัวรอดจากวิบากกรรม ที่ตนเองทำไว้โดยความไม่รู้ หรืออวิชชา อวิชชานี้แหละทำลายตัวเรา ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องการ ถ้าดูตัวของเราดี ๆ จะเห็นว่าตัวเรามีสัญชาตญาณการเอาตัวรอด มาตั้งแต่เกิดมาแล้ว เมื่อเติบโตขึ้นเราจะเห็นเด่นชัดว่า วิถีชีวิตแต่ละวันเป็นการเคลื่อนไหว เพื่อเอาตัวรอดทั้งหมด แต่คนเราไม่รู้ ไม่เข้าใจ ว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ความจริงแล้วคนเราต้องการหนีทุกข์ไปหาสุข การเอาตัวรอด ก็คือการหนีทุกข์นั่นเอง เพื่อไปหาสุข ทุกครั้งที่เราเอาตัวรอด เราก็จะพบความสุข แต่เป็นความสุขชั่วคราว จะเห็นว่าตลอดชีวิตของคนเรา ต้องหนีทุกข์ไปหาสุขชั่วคราวไปตลอดชีวิต ทำอย่างนี้มานับภพนับชาติไม่ถ้วน เพราะคนเราไม่มีปัญญาของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ตรัสรู้ไว้ในใจ คนเราจึงไม่มีโอกาสพบสุขถาวรได้ เกิดมาชาติไหน ๆ ก็พบแต่สุขชั่วคราว เอาสุขชั่วคราวไปสร้างวิบากกรรมใหม่ขึ้นมาอีก คือไปตะลอน ๆ ตามหาสุขชั่วคราวมาเพิ่มเติมให้กับตัวเอง แต่ตัวเราเองมันถมสุขชั่วคราวไม่เต็ม

ความจริงสัญชาตญาณของเราต้องการให้เราไปหาสุขถาวร เมื่อมันไม่เจอก็ต้องผลักไสให้เราไปหาให้พบ แต่ก็ไม่มีวันพบง่าย ๆ การไปตามหาสุขชั่วคราวคิดว่าเป็นสุขถาวร ในระหว่างนั้นก็เอาสุขชั่วคราวไปสร้างวิบากกรรมใหม่ สุขชั่วคราวก็คือความพอใจ ไม่พอใจ ที่เราเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน โดยการไปเสาะแสวงหาความสุขชั่วคราว ที่มันดับไปเพราะหมดเหตุปัจจัย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ที่คนเราไปตามหานั้น ก็คือธรรมชาติ เกิดขึ้นตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีตัวตนเป็นของตนเอง ให้เรายึดมั่นถือมั่นไว้ได้ แต่ความต้องการหรือความปรารถนาของคนเรา เมื่อมันไม่พบสุขถาวร มันก็จะผลักไสให้ชีวิตให้เราดำเนินไปหาให้พบ ในระหว่างที่คนเราไปตามหาความสุขถาวร โดยความไม่รู้หรืออวิชชา เราก็จะเอาอวิชชาไปทำซ้ำ จนเกิดความชำนาญในการสร้างทุกข์ วิบากกรรมผลของการกระทำโดยความไม่รู้ ก็จะทำให้คนเราเพิ่มเติมวิบากกรรมให้กับตัวเองหาที่สิ้นสุดไม่ได้ เพราะความไม่รู้ คนเราตื่นขึ้นมาก็ไปแสวงหา หรือตามหาความพอใจ ไม่พอใจไปตลอดวัน นั่นคือเอากรรมเก่าไปปรุงแต่งกรรมใหม่ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ โดยตัวเองไม่รู้เลยว่าความพอใจ ไม่พอใจนั้นคืออวิชชา เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดทุกข์แก่ตัวเอง ถ้าคนเรารู้ ก็จะไม่ไปแสวงหาความพอใจ ไม่พอใจ เพราะคนเราทุกคนต้องการสุข ไม่ใช่ทุกข์ แต่พฤติกรรมที่เกิดจากเอาความพอใจ ไม่พอใจไปทำซ้ำ จึงทำให้คนเราไม่รู้ว่าอันไหนเป็นเหตุปัจจัยสร้างสุข หรือสร้างทุกข์

ทุกข์ของคนเราเกิดที่ไหน ให้ดับที่นั่น

การทำบุญใส่บาตร (หนีกรรม)

การรักษาบุญให้อยู่กับเรา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy